หลังจากที่ NITORI ร้านเฟอร์นิเจอร์ดังอันดับ 1 จากญี่ปุ่นเข้ามาเปิดที่ไทยเป็นครั้งแรกที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ก็ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยเป็น NITORI สาขา Flagship Store แห่งแรกในไทย บนพื้นที่กว่า 2,600 ตร.ม. บริเวณ ชั้น 5 โซน I โลเคชันตั้งอยู่ใจกลางเมือง ศูนย์กลางการใช้ชีวิตของผู้คน จับกลุ่มลูกค้าที่อยู่อาศัยในเมือง เน้นความสะดวกสบาย ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
NITORI มีแนวคิด “มอบความเป็นอยู่ที่ดีแก่ผู้คนทั่วโลก” ปัจจุบัน มีมากกว่า 900 สาขาใน 5 ประเทศและภูมิภาค เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ จีน ไต้หวัน และล่าสุดที่ประเทศไทย วางแผนขยายสาขาเพิ่ม ที่เซ็นทรัลเวสต์เกตและซีคอน บางแค ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าในเดือนมีนาคมปี 2024 NITORI จะสามารถขยายสาขาในต่างประเทศ รวมถึง 100 แห่ง เทียบเท่ากับการขยายสาขาต่อปีในญี่ปุ่น
นี่เป็นเพียงตัวอย่างแบรนด์ดังที่เข้ามาเปิดในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็น Global Destination มีแบรนด์ดังทั่วโลกมาเปิดให้บริการ โดยเฉพาะการเข้ามาทำตลาดในไทยเป็นครั้งแรก หลายแบรนด์มักเลือกมาปักหมุดที่ เซ็นทรัลเวิลด์ ก่อนเสมอ ไม่ใช่แค่ร้านเฟอร์นิเจอร์ Nitori เท่านั้นแต่ยังมีทั้งแบรนด์เสื้อผ้า แฟชั่น กีฬา อาหาร และอื่นๆ อีกมากมาย ต่างเข้ามาเปิดสาขา Flagship Store อย่างต่อเนื่อง
อย่างแบรนด์ดังๆ ที่หลายคนนึกถึงก็อย่างเช่น Uniqlo, Haidilao, Tsuta, Saemauel Sikdang, Sushiro, Kam Roast, Shake Shack, Mak’s noodle, Yakiniku Like Flagship Store, Canton Paradise, Nitori, Lululemon, On-running, HOKA, Marimekko, Kate Spade, Marc Jacobs, MLB, Pandora, H&M Home ฯลฯ ซึ่งแบรนด์เหล่านี้ได้ขยายสาขาไปทั่วประเทศ โดยได้ขยายสาขาไปกับเซ็นทรัลพัฒนาด้วยเช่นกัน
ว่าแต่เหตุผลที่ทำให้แบรนด์ต่างๆ ตัดสินใจเปิดสาขา Flagship Store ที่ไทย เป็นเพราะอะไร เราสรุปมาให้ทั้งหมด 3 เหตุผล
1.) Location ดี Traffic ดี : ด้วย Strategic location ของเซ็นทรัลเวิลด์ ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ย่านราชประสงค์ซึ่งเป็นย่านการค้าและท่องเที่ยวที่คึกคักแห่งหนึ่งของไทย มีคนสัญจรในย่านเฉลี่ยกว่า 600,000 คนต่อวัน เป็นศูนย์กลางธุรกิจและเป็นจุดหมายปลายทางของคนทั่วโลก เทียบชั้นย่านดังอย่าง Times Square New York, Oxford street และย่าน Ginza ญี่ปุ่น เลยทีเดียว
นอกจากนี้ บริเวรหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ ยังมี ‘the panOramix’ จอ LED Digital Interactive ขนาดใหญ่ที่สุดใน Southeast Asia สามารถเป็นพื้นที่โฆษณาให้ผู้คนมองเห็น โดยถูกจองคิวจากแบรนด์ดังและแฟนคลับทั่วโลก
ปัจจุบัน Traffic Recovery ของเซ็นทรัลเวิลด์ เติบโตเฉลี่ย 120% จากปี 2019 หรือเฉลี่ย Traffic ต่อวันยู่ที่ 150,000 คน และสูงขึ้นไปถึง 180,000-200,000 คนต่อวัน ถ้ามี Event ใหญ่ในศูนย์การค้า โดยลูกค้าที่มาใช้บริการแบ่งเป็น คนไทย 65% และ ต่างชาติ 35% นักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการมากที่สุดคือ Southeast Asia ได้แก่ จีน ฮ่องกง มาเลเซีย สิงคโปร์ อินเดีย และตะวันออกกลาง
2.) มีทีม B2B Marketing ที่แข็งแกร่ง สามารถดูแลผู้เช่าได้เป็นอย่างดี ให้บริการได้ครบวงจร สนับสนุนการดำเนินงานของร้านค้า มีเครื่องมือ CRM ที่ช่วยให้ร้านสามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้จ่ายได้ตรง Target และ Lifestyle ด้วยเหตุนี้จึงมีส่วนดึงดูดให้แบรนด์ต่างๆ จากทั่วโลก เลือกที่จะเปิดสาขาที่เซ็นทรัลเวิลด์
3.) เป็น Top of mind ของ Partners แบรนด์ดังระดับโลก ปัจจุบันมีแบรนด์ต่างๆ มากกกว่า 3,000 แบรนด์ที่เปิดให้บริการในเซ็นทรัลเวิลด์ และเตรียมเปิดอีกกว่า 10 แบรนด์ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเซ็นทรัลเวิลด์มีแบรนด์ที่โดดเด่นทั้งแบรนด์ร้านอาหาร เป็น Food destination รวมร้านดังไว้กว่า 500 ร้าน ทั้งร้านแรกในไทย ร้านมิชลินสตาร์ รวมถึงร้านอาหารที่เป็น Flagship Stores มากมาย
ไม่ใช่แค่ Flagship stores แบรนด์ร้านอาหาร แต่แบรนด์กีฬาก็เด่นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Lululemon, Adidas, Nike, Puma, On-running และ HOKA และล่าสุดมี Nitori แห่งแรกในประเทศไทยแล้ว ส่วนการจัดงานอีเว้นท์ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ขึ้นชื่อว่ามี World-Class Event แลนด์มาร์คการจัดงานอีเว้นท์ในทุกเทศกาลมาอย่างต่อเนื่องหลายสิบปี ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก เช่น งาน Countdown, งานสงกรานต์, งาน Pride Celebration รวมถึงงาน Expo ต่างๆ
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า
“สำหรับครึ่งปีหลัง เซ็นทรัลเวิลด์มุ่งมั่นเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ ด้วยกลยุทธ์ ‘The Magnitude of World Phenomenon’ สร้างปรากฏการณ์อีเว้นท์ Signature ระดับประเทศ-ระดับโลก โดยอีเว้นท์ที่น่าสนใจที่กำลังจะเกิดขึ้น เช่น การเปิดตัวครั้งแรกในไทยของ POP MART ผู้นำด้านป๊อปคัลเจอร์จากจีน, งานแสดงกันดั้มสุดยิ่งใหญ่ “GUNDAM Docks at THAILAND” พร้อมกันดั้มสูงกว่า 6 เมตร, งาน Thailand Coffee Hub, เทศกาลดนตรี Melody of Life, งาน YWCA จำหน่ายสินค้าโดยร้านค้าจากสถานทูตในไทย, เทศกาลเปิดไฟต้นคริสต์มาส และ centralwOrld Bangkok Countdown ส่งท้ายปีสุดยิ่งใหญ่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยให้เติบโต
สุดท้ายนี้ เซ็นทรัลเวิลด์เชิญชวนคนไทยเตรียมต้อนรับแบรนด์ระดับโลกที่จะมาเปิดตัวไม่ต่ำกว่า 10 แบรนด์ดังทั้งอาหาร แฟชั่น กีฬาและอุปกรณ์กีฬา รวมถึงแบรนด์ที่ปรับโฉมคอนเซ็ปต์ใหม่ และ Flagship store ในไทย สมกับเป็น Global destination ที่ต้อนรับแบรนด์ดังทั่วโลก และเตรียมพบเทศกาลแห่งปีที่ไม่เคยมีมาก่อน กับการ Collaboration ครั้งใหญ่กับแบรนด์ระดับโลก”