คุยกับ คนไทยในอิสราเอล ทำงานใกล้ฉนวนกาซา เผยเหตุผลยังไม่กลับไทย

คุยกับ คนไทยในอิสราเอล เผยเหตุผลตัดสินใจยังไม่เดินทางกลับประเทศไทย ขอประเมินสถานการณ์แบบวันต่อวัน ขณะที่สถานการณ์ล่าสุด กระแสตีกลับ ทั่วโลกวอนอิสราเอลยุติสงคราม

วันที่ 30 ต.ค. 2566 ใน “NewsRoom” รายการทอล์กคุยข่าวใหญ่ ทางไทยรัฐออนไลน์ ดำเนินรายการโดย “กาย’ พงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ วันนี้เป็นการพูดคุยกันในประเด็น นายกรัฐมนตรีขอแรงงานไทยในอิสราเอลเดินทางกลับประเทศไทย หลังสถานการณ์ผ่านมาเกือบครบ 1 เดือน หวั่นสงครามจะรุนแรงขึ้น 

จากการสอบถาม นายณัฐพล ปัญญา หรือ คุณออย คนไทยที่ไปทำงานภาคเกษตรในอิสราเอล เปิดเผยว่า ตอนนี้ตนเองทำงานอยู่ทางใต้ ที่โมชาฟมิสเตอร์คิม ติดกับฉนวนกาซา ระยะห่างประมาณ 5-7 กิโลเมตร กับทางนายจ้างซึ่งเป็นคนอิสราเอล ทราบว่าสถานการณ์ตอนนี้ในเขตของเรามีทหารของอิสราเอลป้องกันไว้หมดแล้ว แต่ต้องระวังจรวดจากทางกาซาที่จะยิงเข้ามา ปัจจุบันในแคมป์ของตนมีคนไทยประมาณ 8-9 คน จากตอนแรก 18-19 คน ได้ขอกลับบ้านไปส่วนหนึ่ง

นายณัฐพล กล่าวว่า ตนเองเป็นคนจังหวัดอุบลราชธานี สัญญามาทำงาน 5 ปี 3 เดือน ตอนนี้มาอยู่ 1 ปี 5 เดือนแล้ว ตัดสินใจยังไม่กลับไทย แม่ก็โทรมาหาทุกวัน ทางครอบครัวก็อยากให้กลับแต่ตนยังยืนยันว่าจะขอทำงานเก็บเงินอีกสักก้อน ขอดูสถานการณ์แบบวันต่อวัน ข้อดีของตนคือก่อนมาทำงานได้ยืมเงินจากญาติทำให้ไม่มีดอกเบี้ยและใช้คืนหมดแล้ว ส่วนคนอื่นทราบว่าก็ใช้หนี้หมดแล้ว เหลือในส่วนของค่ารถ 

สำหรับเรื่องที่มีข่าวว่านายจ้างตั้งใจจ่ายเงินช้า หรือบางส่วนตั้งใจเพิ่มเงินให้คนไทยอยู่ต่อนั้น นายณัฐพล กล่าวว่า ในส่วนนี้ตนไม่ทราบ ที่นี่เงินจะออกวันที่ 9-10 ซึ่งออกแบบนี้ทุกเดือน นายจ้างของตนก็ไม่เคยเบี้ยว จ่ายเงินตรงเวลาตลอด ในส่วนของคนไทยที่ขอกลับ นายจ้างก็ให้กลับ พอถึงเวลาก็เคลียร์เงินให้เลย

ยอมรับว่า ตั้งแต่มีสงครามทำให้การทำงาน การใช้ชีวิตเปลี่ยนไป จากเดิมที่ไปไหนก็ได้ ในช่วงที่เกิดเหตุก็กังวลว่าความรุนแรงจะมาถึงไหม ซึ่งประมาณวันที่ 10 ตุลาคม ที่ผ่านมา นายจ้างได้พาพวกตนอพยพไปอยู่ทางภาคกลาง แล้วค่อยย้ายกลับมาทางใต้ การใช้ชีวิตทุกวันนี้ก็ไม่ได้ออกนอกแคมป์ ทำงานเสร็จบ่ายสามก็ต้องกลับที่พัก แต่ยังสะดวกที่มีร้านขายของด้านใน 

นายณัฐพล กล่าวว่า ตนทราบว่าทางการไทยเรียกร้องให้คนไทยเดินทางกลับ ตนก็ติดตามข่าวสารมาตลอด ก่อนหน้านี้สถานการณ์รุนแรง แต่ตอนนี้จุดที่ตนอยู่ก็โอเคขึ้นในระดับหนึ่ง หากเกิดกรณีเลวร้ายที่สุด สงครามบานปลาย ถามว่ามีแผนสำรองไหม ตนยังไม่คิดถึงขั้นนั้น แต่เชื่อว่านายจ้างจะช่วยเหลือพวกเราเต็มที่ เนื่องจากก่อนหน้านี้นายจ้างเคยพาอพยพมาแล้ว สำหรับจุดที่ตนอยู่หากเดินทางไปกรุงเทลอาวีฟ ซึ่งเป็นเมืองหลวงตอนนี้ใช้เส้นทางตรงไม่ได้ ต้องใช้เส้นทางอ้อม ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง 

เมื่อถามย้ำว่าจะมีการปิดศูนย์อพยพที่โรงแรมเดวิด อินเตอร์คอนติเนนตัล ในกรุงเทลอาวีฟ ในวันที่ 31 ตุลาคม 2566 จะเดินทางกลับไทยหรือไม่ นายณัฐพล กล่าวว่า ตนขอดูสถานการณ์อีกระยะ เพราะสถานการณ์โอเคขึ้นเรื่อยๆ น้ำ ไฟ อาหาร ยังปกติ เพราะซื้อมาตุนไว้เป็น 2-3 อาทิตย์ และมีรถขายของอยู่ในโมชาฟ 

นายณัฐพล กล่าวอีกว่า ขอขอบคุณทุกคน ขอบคุณคณะรัฐบาลที่จัดสรรเครื่องบินมาแบบเร่งด่วน มารับคนไทยกลับไปแล้ว 5-6 พันคน ขอขอบคุณแทนคนไทยที่ทำงานอยู่อิสราเอลมากๆ เราจะทำหน้าที่ของเราเป็นอย่างดี และจะประเมินสถานการณ์ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็จะถอนตัวกลับบ้านเหมือนกัน ซึ่งนายจ้างบอกว่า ทางรัฐบาลจะควบคุมระงับเหตุภายใน 2 อาทิตย์ 

กระแสตีกลับ! ทั่วโลกวอนอิสราเอลยุติสงคราม

สำหรับในประเด็นที่อิสราเอล บอกว่า ฮามาสใช้โรงพยาบาลในฉนวนกาซาเป็นฐานทัพ ซึ่งฮามาสเองได้ออกมาปฏิเสธ และเมื่อวานนี้ (29 ตุลาคม) ทางอิสราเอลได้ประกาศว่าให้อพยพออกจากโรงพยาบาลอีกแห่งให้เร็วที่สุด เพราะจะมีการถล่ม ซึ่งตอนนี้มีการเดินหน้าเปิดฉากถล่มแล้ว โดยอ้างว่าฮามาสใช้โรงพยาบาลมาเป็นเกราะกำบัง 

แต่ความกังวของสหประชาชาติคือ การสั่งให้อพยพจากโรงพยาบาลแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากมีคนเจ็บระดับไอซียูนับร้อยคน และยังมีประชาชนชาวปาเลสไตน์ที่ได้รับผลกระทบอีกนับหมื่นคนที่ต้องใช้พื้นที่ของโรงพยาบาลภายใต้อาหารที่ขาดแคลน

ในด้านของความช่วยเหลือที่มีการนำรถบรรทุกขนเสบียงเข้าไปช่วยเหลือก็ไม่เพียงพอ ทำให้คนในนั้นอยู่อย่างยากลำบาก ดังนั้นทำให้ชีวิตของคนในนั้นส่งผลกระทบในด้านอารมณ์ความรู้สึกของคนทั่วโลก ปัจจุบันมีหลายประเทศออกมาร่วมชุมนุม เพื่อให้ปลดปล่อยปาเลสไตน์ เรียกร้องให้ยุติสงคราม โดยให้เหตุผลด้านมนุษยธรรม ประกอบกับในฉนวนกาซามีเด็กเสียชีวิตกว่า 3,000 คน 

อย่างไรก็ตาม ติดตาม “NewsRoom” สดทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.30-19.30 น. ทางยูทูบไทยรัฐออนไลน์ และเฟซบุ๊กไทยรัฐออนไลน์.